สาหร่ายเกลียวทองกับระบบภูมิคุ้มกันทั่วโลกได้มีความพยายามที่จะหาสารอาหารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติในการกระตุ้นการสร้างระบบภูมิคุ้มกันหรือยับยั้งการเกิดมะเร็ง ซึ่งมุ่งไปที่สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน ทั้งนี้ เป็นเพราะในสาหร่ายกลุ่มดังกล่าว เช่น สาหร่ายเกลียวทองสไปรูลิน่า มีสารโปรตีน สีน้ำเงิน อยู่เป็นจำนวนมาก นั่นคือ ไฟโคไซยานิน งานวิจัยของญี่ปุ่นได้มีการสกัดสารไฟโคไซยานิน แล้วนำไปให้หนูทดลองที่เป็นโรค มะเร็งตับกิน พบว่ากลุ่มที่ได้รับสาหร่ายเกลียวทอง(สไปรูลิน่า) มีอัตรารอดสูงกว่ากลุ่มควบ คุมที่ไม่ได้รับ สาหร่ายเกลียวทอง ในการทดลอง 5 อาทิตย์ กลุ่มที่ได้รับสาหร่ายเกลียวทอง มีอัตราการรอด 90% ในขณะที่กลุ่ม ควบคุมรอดเพียง 25% และหลังจาก 8 อาทิตย์ กลุ่มที่รับสาหร่ายเกลียวทอง ยังเหลือรอดถึง 25% ในขณะที่กลุ่มควบคุมตายหมด แสดงให้เห็นว่าไฟโคไซยานิน น่าจะช่วยเพิ่มอัตรา การรอดของ หนูทดลองที่เป็นโรคมะเร็ง |
||||||||||
ได้มีการทดลองตรวจหาเม็ดเลือดขาว หรือลิมโฟไซด์ (Lymphocyte) ในเลือดหนูพบว่าหลังจากรับสาหร่ายเกลียวทอง | ||||||||||
ไป 2 อาทิตย์ ปริมาณลิมโฟไซด์ในเลือดของกลุ่มที่ได้รับสาหร่ายเกลียวทอง จะมากกว่ากลุ่มควบคุมและเท่ากับ หรือมากกว่า | ||||||||||
กลุ่มหนูปกติที่ไม่เป็นโรค | ||||||||||
ผลการทดลองข้างต้นทำให้เชื่อได้ว่า ไฟโคไซยานิน ไม่เพียงแต่จะทำลายเซลล์มะเร็งเท่านั้น แต่ได้ช่วยทำให้ความ | ||||||||||
ต้านทานของร่างกายดีขึ้น, ช่วยป้องกันโรคเสื่อมโทรมของอวัยวะโดยเพิ่มประสิทธิภาพภูมิคุ้มกันโดยทั่วไป โดยทำงาน | ||||||||||
ผ่านทางระบบน้ำเหลือง (หน้าที่โดยทั่วไปของระบบน้ำเหลืองคือ บำรุงรักษาอวัยวะภายในร่างกาย, ป้องกันโรคมะเร็ง, | ||||||||||
โรคแผลเปื่อย, การตกเลือด, และโรคอื่น ๆ) | ||||||||||
เอกสารการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ของญี่ปุ่น บันทึกไว้ว่าถ้ารับประทานไฟโคไซยานินวันละนิด จะช่วยรักษาหรือกระตุ้น | ||||||||||
การควบคุมการทำงานของเซลล์ ซึ่งป้องกันการแพร่กระจายตัวของก้อนเนื้องอก เช่น มะเร็งหรือยับยั้งการเจริญ หรือการ | ||||||||||
กลับมาเป็นโรคใหม่ซึ่ง เอกสารดังกล่าวแนะนำให้กินวันละ 0.25 -2.5 กรัม | ||||||||||
ดังนั้นเมื่อพิจารณา จากปริมาณไฟโคไซยานินที่มีอยู่ในสาหร่ายเกลียวทอง แล้วรับประทานสาหร่ายเกลียวทอง | ||||||||||
เพียงวันละ 8 เม็ด ก็น่าจะเป็นการเพียงพอตามที่เอกสารจดทะเบียนแนะนำ | ||||||||||
|
||||||||||