![]() |
|||
![]() |
สาหร่ายเกลียวทอง
|
|||||||||
เมื่อพบว่าเป็นโรคกระเพาะ การรักษาที่สำคัญที่สุดก็คือ พักผ่อนทั้งทางร่างกายและจิตใจ การเปลี่ยนแปลง | ||||||||||
อาหารเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะ ผู้ป่วยมักมีน้ำย่อยในกระเพาะอาหารมากกว่าปกติ เวลามีอาการหนัก | ||||||||||
หรือแผลในกระเพาะมีเลือดออกจะต้องใช้ยาหรืออาหารที่ให้ฤทธิ์ด่างเพื่อไปลบล้างฤทธิ์กรดยาที่แพทย์จ่ายให้คนไข้ | ||||||||||
โรคกระเพาะนั้นมีคลอโรฟิลล์เป็นองค์ประกอบทั้งนี้เพราะคลอโรฟิลล์ให้ผลในการรักษาอาการอักเสบของผนังกระเพาะ | ||||||||||
เนื่องจากสาหร่ายเกลียวทองมีคลอโรฟิลล์อยู่เป็นจำนวนมาก แพทย์ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่า สาหร่ายเกลียวทองมีผล | ||||||||||
ในการบำบัดโรคกระเพาะอาหาร ดร.โตโมกิชิ ซาไก แพทย์และศาสตราจารย์ด้านสรีระวิทยา แห่งมหาวิทยาลัยญี่ปุ่นตะวันตก | ||||||||||
ได้รายงานว่า คนไข้ทุกรายของเขาที่เป็นโรคกระเพาะอาหาร, โรคปวดท้อง, ท้องอืด, ท้องเฟ้อนั้น อาการจะหายเป็นปลิดทิ้ง | ||||||||||
ภายหลังจากที่ไ้ด้รับ สาหร่ายเกลียวทอง 2 เม็ด หลังอาหาร 3 มื้อ เป็นเวลา 5 วัน | ||||||||||
ข้อปฏิบัติของผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารอักเสบ 1. กินอาหารตรงเวลาทุกวัน 2. ไม่ควรกินอาหารแต่ละมื้อหนักเกินไป อาจแบ่งเป็น 4 – 5 มื้อต่อวัน 3. กินอาหารช้า ๆ เคี้ยวให้ละเอียด 4. ในขณะที่กินอาหารควรดื่มน้ำบ้าง เพื่อช่วยในการบดเคี้ยวอาหารดีขึ้น 5. หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นน้ำย่อย เช่น อาหารที่มีรสจัด, อาหารที่แข็ง หรือมีกากมาก, อาหารที่เผ็ดจัด 6. ไม่ควรสูบบุหรี่ หรือดื่มสุราก่อนอาหาร โดยเฉพาะในขณะที่ท้องว่าง 7. พักผ่อนให้เพียงพอ 8. หลีกเลี่ยงความเครียดและกระวนกระวายใจ เพราะมีผลกระทบ กระเทือนต่อการย่อยอาหาร 9. การพักกระเพาะอาหาร โดยพยายามให้กระเพาะอาหารทำงานเบา |
||||||||||
ที่สุดคือกินอาหารที่มีลักษณะ อ่อนย่อยง่ายมีกากน้อยที่สุด | ||||||||||
![]() |
||||||||||
|
||||||||||